โลกจะร้อนขึ้นหรือเย็นลง มีอะไรมากกว่านั้นไหม?

20120331-070141.jpg

ภาพการระเบิดที่ผิวของดวงอาทิตย์ระดับ M2 เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2011
จากงานวิจัยของสมาชิกราชบัณฑิตยดาราศาสตร์สมาคมของอังกฤษ พบว่าดวงอาทิตย์กำลังเข้าสู่ระยะ Solar minimum
ขอขอบคูณข้อมูลจาก ราชบัณฑิตยดาราศาสตร์สมาคมอังกฤษ , นาซ่า
งานวิจัยล่าสุดเตรียมตีพิมพ์ในวารสาร Astronomy เดือนเมษายนนี้พบว่าดวงอาทิตย์กำลังเข้าสู่ระยะ grand maximum หรือระยะที่มีปฏิกิริยาสูงสุด แต่จากการศึกษไอโซโทปในชั้นน้ำแข็งและวงปีของต้นไม้เราพบสิ่งที่จะตามมาหลังจากนั้นคือหลังจากนั้นคว่มรุนแรงของสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์จะเริ่มลดลงในอนาคต เป็นผลทำให้จุดดับบนดวงอาทิตย์ลดลง และมีจำนวน CME ลดลง ซึ่งจะคล้ายกับระยะ Maunder minimum ในช่วงศตวรรษที่ 17 เมื่อโลกเราเข้าสู่ยุคน้ำแข็งย่อยๆ
แต่สิ่งที่อันตรายกว่ายุคน้ำแข็งย่อยๆไม่ใช่เพียงอุณหภูมิของโลกที่ลดลงเท่านั้น แต่เป็นปีิมาณรังสีคอสมิคจากภายนอกระบบสุริยะที่จะเพิ่มขึ้นด้วย เป็นที่ทราบกันดีว่า ลมสุริยะของดวงอาทิตย์เป็นเหมือนระบบที่ป้องกันฝักสุริยะ (heliosphere) ของเราซึ่งรวมไปถึงดาวเคราะห์ทุกดวงให้พ้นจากภัยจากรังสีคอสมิคที่อันตรายภายนอกเปลือกสุริยะ (heliosheath) เมื่อใดที่ดวงอาทิตย์อ่อนกำลังลง รังสีคอสมิคจากภายนอกจะเข้ามาสู่ระบบสุริยะมากขึ้น
จากปรากฏการณ์ข้างต้นนี้ ลุค บาร์นาร์ด นักศึกษาปริญญาเอก ได้ทำการวิจัยย้อนหลังไป 9300 ปีทางชั้นน้ำแข็งและวงปีของต้นไม้ และทำการศึกษาไอโซโทปของธาตุระหว่างการเกิด solar maximum และ minimum 24 ครั้งที่ผ่านมาและได้ทำการพยากรณ์ปริมาณของรังสีคอสมิคที่จะเข้ามา และพบว่าปริมาณจะเพิ่มขึ้นถึง 2.5 เท่า และโอกาสที่จะเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ได้ 2-5 ครั้งในแต่ละศตวรรษ
อย่างไรก็ตาม จากการพยากรณ์ล่าสุด พบว่าปริมาณความรุนแรงของสนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์และปริมาณ Solar energized particles จะลดลงใน 40 ปีข้างหน้า และทำให้ปริมาณรังสีคอสมิคเพิ่มขึ้น 1.5 เท่าของปัจจุบัน ซึ่งส่งผลต่อการเดินทางในอวกาศในช่วง 40 ปี ข้างหน้าอันตรายมากขึ้น

ใส่ความเห็น